ในโลกเกมคอนโซลพกพา PS Vita เคยถูกมองว่าเป็นเครื่องเล่นที่มีศักยภาพสูง มีสเปกแรงกว่าคู่แข่งในยุคเดียวกันอย่างชัดเจน แต่กลับไม่สามารถครองตลาดหรือเติบโตได้ตามที่หลายคนคาดหวัง หลายคนอาจยังสงสัยว่า PS Vita คืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นจนทำให้เครื่องเกมที่น่าจะรุ่งกลับไม่มีภาคต่ออีกเลยจากโซนี่
PS Vita หรือชื่อเต็มว่า PlayStation Vita คือเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นที่สองของโซนี่ เปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี 2011 โดยถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ภาคต่อ” ของ PSP ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงก่อนหน้า ด้วยดีไซน์หรู หน้าจอ OLED คมชัด และสเปกแรงเทียบเท่าเครื่องเกมคอนโซลในยุคนั้น PS Vita จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามตั้งแต่วันเปิดตัว
ฟีเจอร์เด่นที่ทำให้ PS Vita ดูเหนือกว่าคู่แข่งในยุคนั้นคือการมีหน้าจอสัมผัสทั้งด้านหน้าและแผงสัมผัสด้านหลัง ซึ่งสามารถใช้ควบคุมเกมได้แบบสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีระบบ Remote Play ที่สามารถเชื่อมต่อกับ PlayStation 4 เพื่อเล่นเกมคอนโซลผ่านเครือข่ายได้อย่างลื่นไหล
แต่น่าเสียดายที่แม้จะมาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำยุค PS Vita กลับไม่สามารถสร้างยอดขายที่มั่นคงได้อย่าง PSP โดยมีปัจจัยหลายด้านที่กลายเป็นอุปสรรคหลักในการเติบโตของเครื่องเกมนี้
ประเด็นสำคัญข้อแรกคือ “แนวทางตลาดที่ไม่ชัดเจน” PS Vita ดูเหมือนจะอยู่กึ่งกลางระหว่างเครื่องเกมพกพาและแพลตฟอร์มมัลติมีเดีย โซนี่พยายามผลักดันให้เครื่องสามารถใช้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เกมเมอร์รู้สึกว่าโฟกัสของเครื่องเริ่มเบลอ ต่างจากคู่แข่งอย่าง Nintendo ที่เน้นเฉพาะประสบการณ์เล่นเกมและทำได้ดีมาก
อีกหนึ่งปัญหาคือ “ราคาของเครื่องและเมมโมรี่การ์ด” PS Vita เปิดตัวด้วยราคาที่สูงพอสมควรเมื่อเทียบกับตลาดในยุคนั้น ที่สำคัญคือหน่วยความจำของเครื่องไม่ใช่มาตรฐานทั่วไป แต่ใช้เมมเฉพาะของโซนี่เอง ซึ่งมีราคาสูงเกินจริงและขนาดจำกัด สิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภคหลายคนลังเลจะลงทุนเพิ่ม
ในด้านของ “จำนวนเกมและพาร์ตเนอร์ผู้พัฒนา” PS Vita เริ่มต้นได้ดีในช่วงเปิดตัว แต่หลังจากนั้นกลับมีเกมเอ็กซ์คลูซีฟน้อยลงเรื่อยๆ ผู้พัฒนารายใหญ่เริ่มถอนตัวหรือหันไปโฟกัสกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น PS4 หรือมือถือที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ Nintendo ยังคงมีคอนเทนต์แข็งแกร่งจากแบรนด์ตัวเอง ทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงคุณค่าที่ชัดเจนกว่า
อีกหนึ่งจุดอ่อนที่หลายคนมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญคือ “การตลาดที่ไม่ต่อเนื่อง” โซนี่เองดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับ PS Vita เท่าที่ควร ไม่มีแคมเปญใหญ่ ไม่มีการผลักดัน IP เด่นลงแพลตฟอร์มนี้อย่างจริงจัง ส่งผลให้แม้แต่แฟนของ PlayStation เองบางคนก็หลงลืมว่า Vita ยังมีอยู่
แม้ PS Vita จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในเชิงยอดขาย แต่เครื่องนี้กลับเป็น “ของสะสม” ที่ยังมีแฟนพันธุ์แท้ให้การสนับสนุนอยู่เสมอ ชุมชนผู้เล่นที่รักในเกมอินดี้ หรือเกมจากญี่ปุ่นบางแนว ยังคงยกย่องให้ Vita เป็นหนึ่งในเครื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และให้ประสบการณ์พกพาที่ยากจะหาได้ในเครื่องอื่น
สำหรับโซนี่ การหยุดพัฒนา PS Vita และไม่มีรุ่นต่อ เป็นผลจากการประเมินตลาดอย่างรอบด้าน พวกเขาเลือกหันไปลงทุนในแพลตฟอร์มหลักที่สร้างรายได้ชัดเจนกว่าอย่าง PS4 และ PS5 และปล่อยให้ตลาดเกมพกพาเป็นเวทีของมือถือกับ Nintendo อย่างชัดเจน
ถึงแม้ไม่มีภาคต่อ แต่ PS Vita ยังคงถูกพูดถึงอยู่ในฐานะเครื่องเกมที่มีดีไซน์ล้ำยุค ความสามารถน่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์ของโซนี่ว่า “เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอถ้าไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและต่อเนื่อง”
สรุปภาพรวมของ PS Vita ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือความพยายามสร้างนวัตกรรมที่กล้าต่าง ถึงแม้เส้นทางจะไม่รุ่งเรือง แต่ก็มีรอยเท้าที่ชัดเจนในวงการเกมพกพาเสมอ